มาตรฐานการเดินสายไฟใต้ดิน ต้องลึกกี่เมตร มีอะไรที่ควรรู้บ้าง

ขั้นตอนการติดตั้งสายไฟใต้ดิน

การวางระบบกราวด์ไฟฟ้านับเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับเมืองและอาคารสมัยใหม่ เพราะมีความเรียบร้อย ปลอดภัย และทำให้ทัศนียภาพไม่ถูกบดบังจากสายไฟระโยงระยาง แต่การติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดิน นั้นต้องเป็นไปตามมาตรฐานและมีขั้นตอนที่ถูกต้อง เพื่อให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในระยะยาว หลายคนอาจสงสัยว่า สายไฟใต้ดินต้องฝังลึกแค่ไหน มีขั้นตอนการติดตั้งอย่างไร และมีข้อควรระวังอะไรบ้าง บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกเรื่องนี้ เพื่อให้คุณมีความเข้าใจที่ถูกต้องก่อนเริ่มงาน

สายไฟที่นิยมใช้ในการฝังดิน

สายไฟฟ้าใต้ดินที่นิยมใช้งานในปัจจุบันมีหลายประเภท ได้แก่

  • สายไฟฟ้า XLPE – สายไฟฟ้าชนิดนี้ใช้วัสดุ Cross-linked Polyethylene เป็นฉนวนหุ้ม มีคุณสมบัติทนความร้อน ความชื้น มีความยืดหยุ่น ติดตั้งง่าย และมีอายุการใช้งานยาวนาน จึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับโครงการขนาดใหญ่
  • สายไฟฟ้า PVC – เป็นฉนวนที่ผลิตจากพอลิไวนิลคลอไรด์ (Polyvinyl Chloride) นิยมใช้ในระบบไฟฟ้าแรงดันต่ำ เช่น บ้านพักอาศัยหรืออาคารทั่วไป สายไฟฟ้าใต้ดินประเภทนี้มีราคาไม่แพงและติดตั้งง่าย แต่อาจไม่เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการการป้องกันสูง เช่น มีความร้อนสูง หรือมีสารเคมีรุนแรง
  • สายไฟฟ้า PILC – สายไฟฟ้า Paper Insulated Lead Covered มีโครงสร้างพิเศษที่ใช้ฉนวนกระดาษและหุ้มด้วยตะกั่วชั้นนอก ทำให้มีความสามารถในการป้องกันน้ำและความชื้นได้ดีเยี่ยม ทนต่อการกัดกร่อนจากสภาพดินได้สูง เหมาะสำหรับโครงข่ายไฟฟ้าใต้ดินที่ต้องการความทนทานระยะยาว

นอกจากชนิดของสายไฟแล้ว คุณต้องพิจารณาขนาดและความทนกระแสของสายไฟฟ้าใต้ดินให้เหมาะสมกับการใช้งาน หากเลือกขนาดที่เล็กเกินไปอาจเกิดความร้อนสูงและเป็นอันตรายได้ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกสายไฟฟ้าใต้ดินที่เหมาะสมสำหรับโครงการของคุณ

ติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดิน ต้องฝังดินลึกเท่าไร

ติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดิน ต้องฝังดินลึกเท่าไร

ความลึกในการฝังสายไฟฟ้าใต้ดินเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความปลอดภัยและอายุการใช้งานของระบบไฟฟ้าใต้ดิน สำหรับสายไฟฟ้าใต้ดินทั่วไปในประเทศไทย มาตรฐานความลึกในการฝังขึ้นอยู่กับวิธีการเดินสาย ดังนี้

  1. สายเคเบิลฝังดินโดยตรง
    • ติดตั้งแบบไม่มีแผ่นคอนกรีต ความลึกน้อยสุด 0.60 เมตร
    • ติดตั้งใต้แผ่นคอนกรีตหนา ≥ 50 มม. ความลึกน้อยสุด 0.45 เมตร
    • ติดตั้งใต้แผ่นคอนกรีตหนา ≥ 100 มม. และยื่นเลยจากแนวติดตั้ง ≥ 150 มม. ความลึกน้อยสุด 0.45 เมตร
  2. เดินสายโดยท่ออโลหะซึ่งได้รับการรับรองให้ฝังดินโดยตรงได้ โดยไม่ต้องมีคอนกรีตหุ้ม (เช่น ท่อ HDPE ท่อ RTRC และ ท่อ PVC)
    • ติดตั้งแบบไม่มีแผ่นคอนกรีต ความลึกน้อยสุด 0.45 เมตร
    • ติดตั้งใต้แผ่นคอนกรีตหนา ≥ 50 มม. ความลึกน้อยสุด 0.30 เมตร
    • ติดตั้งใต้แผ่นคอนกรีตหนา ≥ 100 มม. และยื่นเลยจากแนวติดตั้ง ≥ 150 มม. ความลึกน้อยสุด 0.10 เมตร
  3. เดินสายโดยท่อโลหะหนาและหนาปานกลาง
    • ติดตั้งแบบไม่มีแผ่นคอนกรีต ความลึกน้อยสุด 0.15 เมตร
    • ติดตั้งใต้แผ่นคอนกรีตหนา ≥ 50 มม. ความลึกน้อยสุด 0.15 เมตร
    • ติดตั้งใต้แผ่นคอนกรีตหนา ≥ 100 มม. และยื่นเลยจากแนวติดตั้ง ≥ 150 มม. ความลึกน้อยสุด 0.15 เมตร

หมายเหตุ : สำหรับทุกวิธี หากอยู่ในบริเวณที่มีรถยนต์วิ่งผ่าน ความลึกต้องไม่น้อยกว่า 0.60 เมตร

มาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดิน

การติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดินต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่เข้มงวดเพื่อให้มั่นใจว่าสายไฟจะทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ มาตรฐานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดินมีดังนี้

  • มาตรฐาน IEC 60287 เป็นมาตรฐานสากลที่ใช้ในการคำนวณความทนกระแสของสายไฟใต้ดิน โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความหนาแน่นของกระแส การระบายความร้อนในดิน และอุณหภูมิโดยรอบ
  • มาตรฐาน IEEE 575 เป็นมาตรฐานที่ให้คำแนะนำในการเลือกสายไฟฟ้าใต้ดินให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยง เช่น พื้นที่ชื้นแฉะหรือพื้นที่ที่มีการกัดกร่อนจากสารเคมี
  • มาตรฐานการป้องกันการลัดวงจร ระบบสายไฟฟ้าใต้ดินต้องมีระบบป้องกันการลัดวงจรที่มีประสิทธิภาพ เช่น ฟิวส์หรือเบรกเกอร์ที่ทนทานต่อกระแสไฟฟ้าสูง

การปฏิบัติตามมาตรฐานเหล่านี้จะช่วยให้การติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดินมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าสายไฟฟ้าใต้ดินจะมีอายุการใช้งานยาวนานและลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาทางไฟฟ้า

ขั้นตอนการติดตั้งสายไฟใต้ดิน

ขั้นตอนการติดตั้งสายไฟใต้ดิน

ขั้นตอนหลักในการติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดินมีดังนี้

  1. การสำรวจและวางแผน – เริ่มต้นด้วยการศึกษาพื้นที่อย่างละเอียด กำหนดเส้นทางการวางสายไฟ และจัดทำแบบแผนที่แสดงตำแหน่งของสายไฟ ท่อร้อยสาย และจุดเชื่อมต่อต่าง ๆ ขั้นตอนนี้ควรคำนึงถึงระบบสาธารณูปโภคเดิมที่มีอยู่ เช่น ท่อประปา ท่อก๊าซ หรือสายเคเบิลอื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
  2. การขุดร่องดิน – หลังจากได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงเริ่มขุดร่องดินตามแนวที่กำหนดไว้ ความลึกของร่องดินต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
  3. การเตรียมฐานรองรับ – ก่อนวางสายไฟ ต้องเตรียมฐานรองรับที่เหมาะสม เช่น ปูทรายละเอียดหนาประมาณ 10 เซนติเมตรเพื่อรองพื้น หรือใช้แผ่นป้องกันความชื้นเพื่อป้องกันไม่ให้สายไฟสัมผัสกับความชื้นในดิน
  4. การวางสายไฟ – วางสายไฟลงในร่องอย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการดึงหรือบิดสายไฟมากเกินไป ในกรณีที่ต้องการความปลอดภัยสูง ควรใช้ท่อ PVC หรือท่อ HDPE ร้อยสายไฟเพื่อป้องกันไม่ให้สายไฟถูกกัดกร่อนจากดิน
  5. การทดสอบระบบ – ก่อนกลบดิน ต้องทำการทดสอบสายไฟเพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของการติดตั้ง เช่น การทดสอบความต้านทานฉนวน การตรวจสอบการลัดวงจร และการทดสอบความต่อเนื่องของสาย เพื่อให้มั่นใจว่าสายไฟทำงานได้อย่างถูกต้อง
  6. การปิดร่องและทำเครื่องหมาย – หลังจากทดสอบเสร็จสิ้น จึงกลบดินและปรับพื้นผิวให้เรียบร้อย พร้อมติดตั้งเครื่องหมายเหนือแนวสายไฟเพื่อเตือนว่า มีสายไฟฝังอยู่ใต้ดิน ป้องกันอุบัติเหตุจากการขุดดินในอนาคต

การติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดินควรดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และประสบการณ์ เพื่อให้มั่นใจว่าการติดตั้งเป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยให้ระบบไฟฟ้าใต้ดินมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด

ข้อดีและข้อเสียของการใช้สายไฟฟ้าใต้ดิน

ข้อดีของสายไฟฟ้าใต้ดิน

  • ช่วยปรับปรุงทัศนียภาพให้สวยงาม ไม่มีสายไฟรกรุงรังบดบังวิว
  • มีความปลอดภัยสูง ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุเกี่ยวกับไฟฟ้า
  • มีอายุการใช้งานยาวนาน เพราะไม่ได้สัมผัสกับฝน ความชื้น หรือรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่อาจกัดกร่อนสายไฟเสียหาย
  • ลดปัญหาไฟฟ้าดับจากกิ่งไม้หรือสิ่งกีดขวาง
  • ต้องการการบำรุงรักษาน้อยกว่า เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมภายนอก

ข้อเสียของสายไฟฟ้าใต้ดิน

  • ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูงกว่าสายไฟเหนือดิน
  • ไม่สามารถสังเกตความเสียหายได้ด้วยตาเปล่า
  • การซ่อมแซมทำได้ยากและใช้เวลานานกว่า เนื่องจากต้องค้นหาจุดที่เสียหายและขุดดินเพื่อเข้าถึงสายไฟ
  • อาจได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมหรือดินทรุด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีปัญหาเรื่องการระบายน้ำ

สรุปบทความ

การติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดินต้องคำนึงถึงความลึกที่เหมาะสม การเลือกวัสดุที่ทนทาน และการปฏิบัติตามมาตรฐานการติดตั้งอย่างเคร่งครัด เพื่อระบบไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน ที่ TETA INTERTRADE เราจำหน่ายอุปกรณ์ระบบกราวด์คุณภาพสูง ได้มาตรฐาน มอก. พร้อมให้คำปรึกษาและบริการติดตั้งโดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ระบบไฟฟ้าของคุณมีความปลอดภัยสูงสุด สั่งซื้อและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 02-068-9690 หรือ 086-544-3647

Author

  • ผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าแรงสูง สายไฟ ลูกถ้วย ประสบการ์ณมากกว่า 10 ปี

    View all posts

บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง