ระบบไฟฟ้าถือเป็นหัวใจสำคัญของโรงงานอุตสาหกรรม เพราะเป็นพลังงานหลักที่ใช้ขับเคลื่อนเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ การออกแบบและติดตั้งระบบไฟฟ้าโรงงานที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้การผลิตเป็นไปอย่างต่อเนื่องและปลอดภัย มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าโรงงานให้ละเอียดกัน
ระบบไฟฟ้าโรงงาน คืออะไร
ระบบไฟฟ้าโรงงานเป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ ภายในโรงงานอุตสาหกรรม ประกอบด้วยระบบไฟฟ้าแรงสูงและแรงต่ำที่เชื่อมต่อกันผ่านหม้อแปลงไฟฟ้า พร้อมระบบควบคุมและป้องกันที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้การจ่ายไฟฟ้ามีความเสถียร ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถรองรับการทำงานของเครื่องจักรได้อย่างต่อเนื่อง
ไฟฟ้าโรงงาน ต้องวางระบบอย่างไร
การวางระบบไฟฟ้าโรงงานที่มีประสิทธิภาพต้องผ่านการวางแผนและดำเนินการอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง มาดูกัน
1. ออกแบบระบบไฟฟ้าโรงงาน
การออกแบบระบบไฟฟ้าโรงงานต้องเริ่มจากการสำรวจความต้องการใช้ไฟฟ้าของเครื่องจักรและอุปกรณ์ทั้งหมด คำนวณโหลดไฟฟ้ารวม และกำหนดขนาดของระบบไฟฟ้าให้เหมาะสม รวมถึงการวางผังตำแหน่งติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าหลัก เช่น หม้อแปลง ตู้ MDB และการแบ่งโซนจ่ายไฟ เพื่อให้ระบบมีความเสถียรและมีประสิทธิภาพสูงสุด
2. วางแผนการเดินสายไฟ
การวางแผนเดินสายไฟต้องคำนึงถึงระยะทาง ความสูญเสียในสาย และความปลอดภัยเป็นหลัก โดยต้องออกแบบให้สายไฟมีขนาดเหมาะสมกับกระแสไฟฟ้า เลือกใช้ท่อร้อยสายที่ได้มาตรฐาน และกำหนดจุดต่อสายที่เหมาะสม เพื่อให้ง่ายต่อการบำรุงรักษาและแก้ไขปัญหาในอนาคต
3. เลือกใช้วัสดุที่ได้มาตรฐาน
การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญ ต้องเลือกใช้สายไฟ เบรกเกอร์ และอุปกรณ์ป้องกันที่ได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) และเหมาะสมกับการใช้งานในโรงงาน โดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมการทำงาน เช่น ความร้อน ความชื้น หรือสารเคมี ที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของอุปกรณ์
4. ติดตั้งเบรกเกอร์และต่อสายไฟ
การติดตั้งเบรกเกอร์และต่อสายไฟต้องดำเนินการโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ ตามแบบที่ได้รับการอนุมัติ มีการจัดระเบียบสายไฟให้เป็นระบบ ติดป้ายบ่งชี้วงจรให้ชัดเจน และทำการทดสอบการต่อสายแต่ละจุดอย่างละเอียด เพื่อป้องกันปัญหาการลัดวงจรหรือการต่อสายผิดพลาด
5. ทดสอบระบบไฟฟ้าโรงงาน ก่อนใช้งานจริง
การทดสอบระบบไฟฟ้าก่อนใช้งานจริงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างละเอียด โดยต้องทดสอบค่าความต้านทานฉนวน การทำงานของระบบป้องกัน และการจ่ายไฟในแต่ละวงจร รวมถึงการทดสอบการทำงานของระบบสำรองไฟฟ้า เพื่อให้มั่นใจว่าระบบทั้งหมดทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
6. ติดตั้งอุปกรณ์เสริมความปลอดภัย
การติดตั้งอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับระบบไฟฟ้าโรงงาน เช่น ระบบป้องกันฟ้าผ่า ระบบป้องกันไฟกระชาก และระบบแจ้งเตือนความผิดปกติ โดยต้องเลือกใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานและติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆ
ระบบไฟฟ้าโรงงาน ใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง
ระบบไฟฟ้าโรงงานประกอบด้วยอุปกรณ์หลักหลายส่วนที่ทำงานร่วมกัน เพื่อให้การจ่ายไฟฟ้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ซึ่งอุปกรณ์ที่ต้องใช้ มีดังนี้
- หม้อแปลงไฟฟ้า
- แผงสวิตช์ไฟฟ้าแรงดันต่ำ
- ระบบสายไฟและท่อร้อยสาย
- ระบบกราวด์
- อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก
- ระบบควบคุมและมอนิเตอร์
ขนาดโรงงานและกำลังไฟฟ้าที่ควรใช้
การเลือกขนาดกำลังไฟฟ้าจะขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของโรงงาน โดยทั่วไปสามารถแบ่งได้ดังนี้
- โรงงานขนาดเล็ก : พื้นที่ไม่เกิน 200 ตร.ม. กำลังไฟฟ้าที่เหมาะสมคือ 50-100 kVA
- โรงงานขนาดกลาง : พื้นที่ 200-1,000 ตร.ม. กำลังไฟฟ้าที่เหมาะสมคือ 100-300 kVA
- โรงงานขนาดใหญ่ : พื้นที่มากกว่า 1,000 ตร.ม. กำลังไฟฟ้าที่เหมาะสมคือ 300 kVA ขึ้นไป
ข้อควรระวังเกี่ยวกับการใช้ไฟฟ้าภายในโรงงาน
ระบบไฟฟ้าโรงงานเป็นระบบที่มีความซับซ้อนและต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่อง เพราะอาจเกิดปัญหาการเสื่อมสภาพของฉนวนสายไฟ การหลวมของจุดต่อสาย และการทำงานผิดปกติของอุปกรณ์ป้องกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การลัดวงจรหรือไฟไหม้ได้
สำหรับใครที่กำลังมองหาบริษัทออกแบบและติดตั้งระบบไฟฟ้าภายในโรงงาน TETA INTERTRADE เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและบริการด้านระบบไฟฟ้าโรงงานแบบครบวงจร ทั้งการออกแบบ ติดตั้ง และบำรุงรักษา พร้อมจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าคุณภาพสูงที่ได้มาตรฐาน สั่งซื้อและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 02-068-9690 หรือ 086-544-3647