TETA Intertrade

ผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าแรงสูง สายไฟ ลูกถ้วย ประสบการ์ณมากกว่า 10 ปี

ทำความเข้าใจระบบไฟฟ้าแรงต่ำ เหมาะกับงานแบบไหนบ้าง

ทำความเข้าใจระบบไฟฟ้าแรงต่ำ เหมาะกับงานแบบไหนบ้าง

ในชีวิตประจำวันของเรา พลังงานไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทอย่างมาก ตั้งแต่แสงสว่างในบ้านไปจนถึงเครื่องมืออำนวยความสะดวกต่างๆ ซึ่งระบบไฟฟ้าที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลายนั้น ส่วนใหญ่เป็นระบบ ไฟฟ้าแรงต่ำหลายคนอาจคุ้นเคยกับคำนี้ แต่ยังไม่เข้าใจอย่างแท้จริงว่า ไฟฟ้าแรงต่ำคืออะไร มีข้อดีอย่างไร และเหมาะกับการใช้งานแบบไหน บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าแรงดันต่ำนี้ให้มากขึ้น เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย ระบบไฟฟ้าแรงต่ำคืออะไร ระบบไฟฟ้าแรงต่ำ คือระบบไฟฟ้าที่มีระดับแรงดันไฟฟ้าไม่เกิน 1,000 โวลต์ (V) ตามมาตรฐานที่กำหนด เป็นระบบไฟฟ้าที่พบเห็นได้ทั่วไปในอาคารที่พักอาศัย สำนักงานขนาดเล็ก ร้านค้า และโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ซึ่งออกแบบมาเพื่อจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราคุ้นเคยกันดี ไฟฟ้าแรงสูงกับแรงต่ำต่างกันอย่างไร ความแตกต่างหลักระหว่างไฟฟ้าแรงสูงกับไฟฟ้าแรงต่ำอยู่ที่ระดับแรงดันไฟฟ้า โดยไฟฟ้าแรงสูงจะมีแรงดันไฟฟ้าที่สูงกว่า 1,000 โวลต์ขึ้นไป มักใช้สำหรับการส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าในระยะทางไกลจากโรงไฟฟ้าไปยังสถานีย่อย หรือในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องการพลังงานมาก ส่วนไฟฟ้าแรงต่ำมีแรงดันไฟฟ้าต่ำกว่า 1,000 โวลต์ และถูกปรับลดทอนลงมาจากระบบแรงสูงเพื่อนำมาใช้งานในอาคารและสถานที่ต่าง ๆ ที่ต้องการพลังงานในระดับที่เหมาะสมกับการใช้งานทั่วไป ระบบไฟฟ้าแรงต่ำมีกี่แบบ สำหรับระบบไฟฟ้าแรงต่ำที่ใช้กันทั่วไป สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักตามลักษณะการจ่ายไฟ ได้แก่ ระบบไฟฟ้า 1 เฟส และระบบไฟฟ้า 3 เฟส 1. ระบบไฟฟ้า 1 เฟส 2 สาย …

ทำความเข้าใจระบบไฟฟ้าแรงต่ำ เหมาะกับงานแบบไหนบ้าง Read More »

ขั้นตอนการติดตั้งสายไฟใต้ดิน

มาตรฐานการเดินสายไฟใต้ดิน ต้องลึกกี่เมตร มีอะไรที่ควรรู้บ้าง

การวางระบบกราวด์ไฟฟ้านับเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับเมืองและอาคารสมัยใหม่ เพราะมีความเรียบร้อย ปลอดภัย และทำให้ทัศนียภาพไม่ถูกบดบังจากสายไฟระโยงระยาง แต่การติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดิน นั้นต้องเป็นไปตามมาตรฐานและมีขั้นตอนที่ถูกต้อง เพื่อให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในระยะยาว หลายคนอาจสงสัยว่า สายไฟใต้ดินต้องฝังลึกแค่ไหน มีขั้นตอนการติดตั้งอย่างไร และมีข้อควรระวังอะไรบ้าง บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกเรื่องนี้ เพื่อให้คุณมีความเข้าใจที่ถูกต้องก่อนเริ่มงาน สายไฟที่นิยมใช้ในการฝังดิน สายไฟฟ้าใต้ดินที่นิยมใช้งานในปัจจุบันมีหลายประเภท ได้แก่ นอกจากชนิดของสายไฟแล้ว คุณต้องพิจารณาขนาดและความทนกระแสของสายไฟฟ้าใต้ดินให้เหมาะสมกับการใช้งาน หากเลือกขนาดที่เล็กเกินไปอาจเกิดความร้อนสูงและเป็นอันตรายได้ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกสายไฟฟ้าใต้ดินที่เหมาะสมสำหรับโครงการของคุณ ติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดิน ต้องฝังดินลึกเท่าไร ความลึกในการฝังสายไฟฟ้าใต้ดินเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความปลอดภัยและอายุการใช้งานของระบบไฟฟ้าใต้ดิน สำหรับสายไฟฟ้าใต้ดินทั่วไปในประเทศไทย มาตรฐานความลึกในการฝังขึ้นอยู่กับวิธีการเดินสาย ดังนี้ หมายเหตุ : สำหรับทุกวิธี หากอยู่ในบริเวณที่มีรถยนต์วิ่งผ่าน ความลึกต้องไม่น้อยกว่า 0.60 เมตร มาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดิน การติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดินต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่เข้มงวดเพื่อให้มั่นใจว่าสายไฟจะทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ มาตรฐานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดินมีดังนี้ การปฏิบัติตามมาตรฐานเหล่านี้จะช่วยให้การติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดินมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าสายไฟฟ้าใต้ดินจะมีอายุการใช้งานยาวนานและลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาทางไฟฟ้า ขั้นตอนการติดตั้งสายไฟใต้ดิน ขั้นตอนหลักในการติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดินมีดังนี้ การติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดินควรดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และประสบการณ์ เพื่อให้มั่นใจว่าการติดตั้งเป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยให้ระบบไฟฟ้าใต้ดินมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด ข้อดีและข้อเสียของการใช้สายไฟฟ้าใต้ดิน ข้อดีของสายไฟฟ้าใต้ดิน ข้อเสียของสายไฟฟ้าใต้ดิน สรุปบทความ การติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดินต้องคำนึงถึงความลึกที่เหมาะสม การเลือกวัสดุที่ทนทาน และการปฏิบัติตามมาตรฐานการติดตั้งอย่างเคร่งครัด เพื่อระบบไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน ที่ TETA INTERTRADE เราจำหน่ายอุปกรณ์ระบบกราวด์คุณภาพสูง …

มาตรฐานการเดินสายไฟใต้ดิน ต้องลึกกี่เมตร มีอะไรที่ควรรู้บ้าง Read More »

ระบบไฟฟ้า 3 เฟสคืออะไร ช่วยประหยัดไฟได้จริงไหม

ระบบไฟฟ้า 3 เฟสคืออะไร ช่วยประหยัดไฟได้จริงไหม

ระบบไฟฟ้า 3 เฟส เป็นกลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่หลายคนยังสงสัยว่า ระบบไฟฟ้า 3 เฟสคืออะไรกันแน่ และช่วยประหยัดไฟได้จริงไหม บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับระบบไฟฟ้า 3 เฟส หลักการทำงาน และข้อดีที่ทำให้ระบบนี้เป็นทางเลือกยอดนิยมในภาคอุตสาหกรรม ระบบไฟฟ้า 3 เฟสคืออะไร ระบบไฟฟ้า 3 เฟส หรือระบบไฟฟ้า 3 เฟส 4 สาย คือระบบส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าที่ประกอบด้วยสายไฟทั้งหมด 4 เส้น ได้แก่ สายไฟหลักหรือสายไลน์ 3 เส้น ซึ่งเป็นสายไฟที่มีกระแสไฟฟ้าไหลเวียนอยู่ตลอดเวลา และสายนิวทรอล (Neutral Line) ที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านอีก 1 เส้น โดยแรงดันไฟฟ้าระหว่างสายไลน์อยู่ที่ 380-400 โวลต์ ส่วนแรงดันระหว่างสายไลน์กับสายนิวทรอลอยู่ที่ 230-250 โวลต์ และมีความถี่ 50 เฮิรตซ์ ระบบไฟฟ้า 3 เฟสเหมาะสำหรับเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่ต้องการกำลังไฟฟ้าสูงและต่อเนื่อง เช่น มอเตอร์ในโรงงานอุตสาหกรรม หรือระบบปรับอากาศในอาคารขนาดใหญ่ หลักการทำงานของระบบไฟฟ้า …

ระบบไฟฟ้า 3 เฟสคืออะไร ช่วยประหยัดไฟได้จริงไหม Read More »

หม้อแปลงไฟฟ้าทำหน้าที่อย่างไร มีไว้ทำไม ตอบข้อสงสัยที่นี่

หม้อแปลงไฟฟ้าทำหน้าที่อย่างไร มีไว้ทำไม ตอบข้อสงสัยที่นี่

หม้อแปลงไฟฟ้า เป็นอุปกรณ์สำคัญในระบบไฟฟ้าที่หลายคนอาจคุ้นเคย แต่ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า หม้อแปลงไฟฟ้าทำหน้าที่อย่างไร บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับหลักการทำงาน และข้อควรพิจารณาในการเลือกใช้หม้อแปลงไฟฟ้า เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย หม้อแปลงไฟฟ้าทำหน้าที่อย่างไร หม้อแปลงไฟฟ้า ทำหน้าที่หลักในการปรับเปลี่ยนระดับแรงดันไฟฟ้าให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยสามารถเพิ่มหรือลดแรงดันไฟฟ้าตามความต้องการ เมื่อไฟฟ้าถูกผลิตจากแหล่งกำเนิด เช่น โรงไฟฟ้า จะมีแรงดันสูงมากเพื่อการส่งไฟฟ้าระยะไกลอย่างมีประสิทธิภาพ แต่แรงดันระดับนี้ไม่สามารถใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไปได้โดยตรง ดังนั้น เมื่อไฟฟ้าเดินทางมาถึงพื้นที่ชุมชนหรืออาคาร หม้อแปลงจะทำการลดแรงดันให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยสำหรับการใช้งาน เช่น 220 โวลต์ในบ้านเรือนทั่วไป หรือ 380-400 โวลต์สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม หลักการทำงานของหม้อแปลงไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้า จะถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าระหว่างสองวงจรผ่านการเหนี่ยวนำแม่เหล็ก เมื่อขดลวดปฐมภูมิ (Primary Winding) รับกระแสไฟฟ้ากระแสสลับเข้ามา จะสร้างสนามแม่เหล็ก (Magnetic Flux) และแรงแม่เหล็ก (Magnetomotive Force) ในแกนเหล็ก (Iron Core) เนื่องจากกระแสที่ไหลเป็นแบบสลับ ขั้วแม่เหล็กจึงเปลี่ยนทิศทางตามความถี่ไฟฟ้า (Frequency) สนามแม่เหล็กที่เกิดขึ้นจะตัดผ่านขดลวดทุติยภูมิ (Secondary Winding) ทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนำ (Induced EMF) และส่งต่อพลังงานไปยังอีกวงจรหนึ่ง โดยมีความถี่ไฟฟ้าเท่ากับความถี่ของกระแสที่ป้อนเข้า ซึ่งโดยทั่วไปอยู่ที่ 50-60 เฮิรตซ์ …

หม้อแปลงไฟฟ้าทำหน้าที่อย่างไร มีไว้ทำไม ตอบข้อสงสัยที่นี่ Read More »

เบรกเกอร์คืออะไร

เบรกเกอร์คืออะไร มีกี่ชนิด เลือกใช้แบบไหนดี

ในยุคที่เครื่องใช้ไฟฟ้ามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน การป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เบรกเกอร์หรือ Circuit Breaker เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าลัดวงจร ไฟฟ้าแรงสูง และไฟฟ้าเกิน แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่าเบรกเกอร์มีกี่ชนิด และควรเลือกใช้แบบไหนให้เหมาะกับการใช้งาน บทความนี้ขอชวนคุณมาทำความรู้จัก Breaker ให้ดีขึ้น เพื่อที่จะสามารถเลือกใช้เบรกเกอร์ได้ถูกต้อง เบรกเกอร์คืออะไร เบรกเกอร์ (Circuit Breaker) คืออุปกรณ์ตัดวงจรไฟฟ้าอัตโนมัติ ทำหน้าที่ป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้าเกินและไฟฟ้าลัดวงจร โดยจะตัดกระแสไฟฟ้าทันทีเมื่อตรวจพบความผิดปกติ เช่น กระแสไฟฟ้าเกินพิกัด หรือเกิดการลัดวงจร ช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ไฟฟ้าและป้องกันอัคคีภัยที่อาจเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรได้ จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งในอุปกรณ์ที่มีความสำคัญในอาคารและบ้านเรือนต่าง ๆ เบรกเกอร์มีกี่ชนิด เบรกเกอร์แบ่งออกเป็น 3 ชนิดหลักตามระดับแรงดันไฟฟ้า ดังนี้ 1. เบรกเกอร์แรงดันต่ำ (Low Voltage) เบรกเกอร์แรงดันต่ำเป็นประเภทที่พบเห็นได้ทั่วไปในบ้านพักอาศัยและอาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก เนื่องจากใช้กับระบบไฟฟ้าแรงดันไม่เกิน 1,000 โวลต์ ข้อดีของเบรกเกอร์ประเภทนี้คือมีขนาดกะทัดรัด ติดตั้งง่าย และราคาไม่สูงมาก อีกทั้งยังมีให้เลือกทั้งแบบ 1 เฟส และ 3 เฟส ตามความเหมาะสมของการใช้งาน 2. เบรกเกอร์แรงดันปานกลาง (Medium Voltage) สำหรับเบรกเกอร์แรงดันปานกลางนั้น …

เบรกเกอร์คืออะไร มีกี่ชนิด เลือกใช้แบบไหนดี Read More »

ทำความรู้จักมิเตอร์ไฟฟ้า

รู้จักมิเตอร์ไฟฟ้า เลือกอย่างไรให้เหมาะกับบ้าน

การเลือกมิเตอร์ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับบ้านเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมิเตอร์ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์สำคัญที่วัดปริมาณการใช้ไฟฟ้าและส่งผลโดยตรงต่อค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน แต่อาจจะมีหลาย ๆ คนยังสงสัยว่า มีข้อมูลอะไรบ้างที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อมิเตอร์ไฟฟ้า บทความนี้จะขอชวนคุณมาทำความเข้าใจวิธีการเลือกมิเตอร์ไฟฟ้าให้ดีขึ้น  มิเตอร์ไฟฟ้าคืออะไร มิเตอร์ไฟฟ้า คืออุปกรณ์ที่ใช้วัดปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าในบ้านหรืออาคาร โดยจะแสดงค่าเป็นหน่วย (Unit) หรือกิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) โดยทั่วไปแล้วมิเตอร์ไฟฟ้าจะถูกติดตั้งไว้ที่จุดจ่ายไฟเข้าบ้าน ทำหน้าที่วัดปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านและคำนวณเป็นหน่วยการใช้ไฟฟ้า ซึ่งการไฟฟ้าจะนำไปคิดค่าไฟฟ้าในแต่ละเดือน ถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการวัดปริมาณการใช้พลังงานจากอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงสูงจากในโรงงาน มิเตอร์ไฟฟ้ามีกี่แบบ มิเตอร์ไฟฟ้าในปัจจุบันมี 3 แบบหลัก ได้แก่ มิเตอร์แบบจานหมุน : หรือมิเตอร์อนาล็อก เป็นแบบดั้งเดิมที่ใช้กันมานาน มีจานอะลูมิเนียมหมุนตามปริมาณการใช้ไฟฟ้า แม้จะมีความแม่นยำ แต่อาจมีข้อจำกัดในการอ่านค่าและการบันทึกข้อมูลที่ทำได้ยาก มิเตอร์แบบดิจิทัล : เป็นมิเตอร์รุ่นใหม่ที่แสดงผลด้วยตัวเลขดิจิทัล ทำให้อ่านค่าได้ง่ายและแม่นยำกว่า สามารถเก็บข้อมูลการใช้ไฟฟ้าย้อนหลังได้ และมีระบบป้องกันการรบกวนจากภายนอก จึงทำให้สะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้นหากเทียบกับมิเตอร์แบบจานหมุน มิเตอร์อัจฉริยะ (Smart Meter) : เป็นมิเตอร์รุ่นล่าสุดที่มีความสามารถในการส่งข้อมูลการใช้ไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ สามารถตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชั่น และมีฟังก์ชั่นการแจ้งเตือนเมื่อพบความผิดปกติในการจ่ายกระแสไฟฟ้า จึงถือเป็นอีกตัวเลือกของผู้ใช้งานในปัจจุบันในการติดตามข้อมูลด้านไฟฟ้า ขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าที่พบได้ในชีวิตประจำวัน มิเตอร์ไฟฟ้าขนาด 5(15) แอมป์ : เหมาะสำหรับห้องเช่าหรือที่พักอาศัยขนาดเล็ก รองรับการใช้ไฟฟ้าพื้นฐาน เช่น พัดลม ทีวี …

รู้จักมิเตอร์ไฟฟ้า เลือกอย่างไรให้เหมาะกับบ้าน Read More »

อันตรายของเสาไฟฟ้าแรงสูง

อยู่ใกล้เสาไฟฟ้าแรงสูงอันตรายแค่ไหน

ปัจจุบันการขยายตัวของเมืองทำให้ที่อยู่อาศัยและชุมชนต่าง ๆ ถูกสร้างขึ้นใกล้กับแนวเสาไฟฟ้าแรงสูงมากขึ้น แม้จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการส่งจ่ายกระแสไฟฟ้า แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงและอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะผลกระทบต่อสุขภาพจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่แผ่ออกมา โรคและผลกระทบที่อาจเกิดจากการอยู่ใกล้เสาไฟฟ้าแรงสูง การอยู่ใกล้เสาไฟฟ้าแรงสูงที่ส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าแรงสูงเป็นระยะเวลานานอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้หลายประการ โดยอาการที่เห็นได้ชัดมีดังนี้ อาการปวดศีรษะและนอนไม่หลับ เนื่องจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้ารบกวนระบบประสาท ความเครียดและวิตกกังวล จากการรับรู้ถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เพราะร่างกายต้องทำงานหนักในการต่อต้านผลกระทบจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งบางชนิดที่อาจเพิ่มขึ้น จากการได้รับรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าสะสม ผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์และพัฒนาการของทารกในครรภ์ ประเภทของเสาไฟฟ้าแรงสูงและระดับความเสี่ยง การทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของเสาไฟฟ้าแรงสูง อันตรายและระดับความเสี่ยงจะช่วยให้เราสามารถประเมินและป้องกันอันตรายได้ดียิ่งขึ้น โดยเสาไฟฟ้าแรงสูงแต่ละระดับแรงดันมีระยะห่างปลอดภัยและผลกระทบต่อสุขภาพที่แตกต่างกัน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ 1. เสาไฟฟ้าแรงสูงระดับ 115 kV เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูงที่พบได้ทั่วไปในเขตเมือง ระยะห่างปลอดภัยขั้นต่ำ 20 เมตร มีความเสี่ยงระดับปานกลางต่อสุขภาพ โดยอาจส่งผลกระทบเช่นปวดศีรษะเป็นครั้งคราวเมื่ออยู่ในระยะใกล้ รู้สึกเหนื่อยล้าหรืออ่อนเพลียง่ายกว่าปกติ ส่งผลให้อาจมีอาการคลื่นไส้หรือวิงเวียนศีรษะเป็นบางครั้งจนนอนหลับพักผ่อนไม่เต็มที่ ทั้งนี้ความเสี่ยงเหล่านี้จะลดลงเมื่ออยู่ห่างจากเสาไฟฟ้าในระยะที่ปลอดภัย ทำให้เหมาะสำหรับการจ่ายไฟในพื้นที่ชุมชนและโรงงานขนาดกลาง 2. เสาไฟฟ้าแรงสูงระดับ 230 kV มักพบในเขตอุตสาหกรรมและพื้นที่ส่งจ่ายไฟฟ้าระหว่างจังหวัด มีความเสี่ยงระดับสูงต่อสุขภาพ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้แก่กับผู้ที่อยู่ในบริเวณได้แก่ อาการปวดศีรษะรุนแรงและต่อเนื่อง ระบบการนอนหลับแปรปรวน นอนไม่หลับเรื้อรัง ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง เจ็บป่วยง่ายขึ้น ซึ่งเสี่ยงต่อความผิดปกติของระบบประสาทและอาจมีผลต่อการทำงานของต่อมไร้ท่อ จึงจำเป็นต้องมีระยะห่างปลอดภัยขั้นต่ำ 40 เมตร และต้องมีระบบป้องกันและการเฝ้าระวังที่เข้มงวดในบริเวณที่มีเสาไฟฟ้าแรงสูง 3. …

อยู่ใกล้เสาไฟฟ้าแรงสูงอันตรายแค่ไหน Read More »

ล่อฟ้าแรงสูง ป้องกันฟ้าผ่า

ล่อฟ้าแรงสูง ตัวช่วยป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าสำหรับโรงงานและอาคารสูง

ในยุคที่สภาพอากาศมีความแปรปรวนสูง ฟ้าผ่าถือเป็นภัยธรรมชาติที่สร้างความเสียหายให้กับโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารสูงได้อย่างมาก การติดตั้งล่อฟ้าแรงสูงจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยปกป้องทรัพย์สินและชีวิตจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่มีฝนตกชุกและมีโอกาสเกิดฟ้าผ่าสูง บทความนี้จะช่วยอธิบายความสำคัญของล่อฟ้าแรงสูง พร้อมชวนทำความเข้าใจหลักการทำงานว่ามีกลไกลอย่างไรจึงสามารถช่วยป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าสำหรับโรงงานและอาคารสูงได้ ล่อฟ้าแรงสูงคืออะไร ล่อฟ้าแรงสูง คือ อุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันความเสียหายจากฟ้าผ่าโดยเฉพาะ ทำหน้าที่ดักจับประจุไฟฟ้าจากฟ้าผ่าและนำพาลงสู่ดินอย่างปลอดภัย ประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก 3 ส่วน ได้แก่ หัวล่อฟ้า สายนำประจุ และระบบสายดิน ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับโครงสร้างอาคารและระบบไฟฟ้าภายใน ความสำคัญของล่อฟ้าแรงสูงต่อระบบไฟฟ้า ล่อฟ้าแรงสูงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบไฟฟ้าในอาคารและโรงงาน โดยมีส่วนช่วยดังนี้ ป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรจากฟ้าผ่า ลดความเสี่ยงต่อความเสียหายของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และระบบควบคุม รักษาเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าในอาคาร ป้องกันการเกิดเพลิงไหม้จากฟ้าผ่า ช่วยให้การดำเนินงานของโรงงานและอาคารเป็นไปอย่างต่อเนื่อง หลักการทำงานของล่อฟ้าแรงสูง ล่อฟ้าแรงสูงทำงานโดยอาศัยหลักการของสนามไฟฟ้า โดยเมื่อมีเมฆฟ้าผ่าเคลื่อนที่มาเหนืออาคาร หัวล่อฟ้าที่ติดตั้งอยู่จะสร้างเส้นทางนำไฟฟ้าที่มีความต้านทานต่ำที่สุด ทำให้ประจุไฟฟ้าจากฟ้าผ่าเลือกที่จะลงมาตามเส้นทางนี้แทนที่จะลงสู่ตัวอาคาร จากนั้นสายนำประจุจะนำพาประจุไฟฟ้าลงสู่ระบบสายดินที่ฝังอยู่ใต้ดิน ซึ่งจะกระจายประจุไฟฟ้าลงสู่พื้นดินอย่างปลอดภัย ทำให้ช่วยปกป้องอาคารและโรงงานจากอันตรายที่สามารถเกิดขึ้นได้จากไฟฟ้าแรงสูงได้ ประเภทของล่อฟ้าแรงสูงสำหรับโรงงานและอาคารสูง การเลือกใช้ล่อฟ้าแรงสูงให้เหมาะสมกับอาคารและโรงงานนั้น จำเป็นต้องเข้าใจถึงประเภทและขนาดที่แตกต่างกัน โดยล่อฟ้าแรงสูงแต่ละรุ่นจะมีคุณสมบัติเฉพาะที่เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ทั้งในด้านแรงดันไฟฟ้า (kV) และความสามารถในการรองรับกระแสไฟฟ้า (kA) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้งาน ล่อฟ้าแรงสูงในท้องตลาดมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ แต่ที่นิยมใช้และได้มาตรฐานสำหรับโรงงานและอาคารสูงมีด้วยกันดังนี้ 1. ล่อฟ้าแรงสูงขนาด 21 kV 5 kA เหมาะสำหรับอาคารพาณิชย์ขนาดกลาง มีประสิทธิภาพในการป้องกันฟ้าผ่าระดับพื้นฐาน รองรับกระแสไฟฟ้าได้ถึง …

ล่อฟ้าแรงสูง ตัวช่วยป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าสำหรับโรงงานและอาคารสูง Read More »

ฟ้าผ่าเกิดจากอะไร

ฟ้าผ่าเกิดจากอะไร อันตรายไหม พร้อมบอกวิธีรับมือจากฟ้าผ่า

หลายคนคงเคยได้ยินเสียงฟ้าร้องคำรามและเห็นแสงสว่างวาบของฟ้าผ่าในช่วงฝนตกฟ้าคะนอง ปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้สามารถสร้างความเสียหายมหาศาลหากเกิดการฟ้าผ่าลงมายังพื้นที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่ บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเกิดฟ้าผ่า พร้อมแนะนำวิธีป้องกันตัวเองให้ปลอดภัย ฟ้าผ่าเกิดจากอะไร ฟ้าผ่าเกิดจากการสะสมและปล่อยประจุไฟฟ้าในก้อนเมฆ เมื่ออากาศมีความชื้นสูง กระแสลมจะพัดพาไอน้ำขึ้นไปจนกลั่นตัวเป็นหยดน้ำและก้อนน้ำแข็ง ทำให้เกิดการเสียดสีและแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้าภายในเมฆ เมฆจะมีการแบ่งประจุเป็นสองส่วน โดยประจุลบจะอยู่ด้านล่างและประจุบวกอยู่ด้านบน เมื่อความต่างศักย์ไฟฟ้าสูงมากพอ ประจุเหล่านี้จะถ่ายเทผ่านอากาศลงสู่พื้นดินหรือระหว่างเมฆด้วยกันเอง ทำให้เกิดประกายไฟฟ้าที่เรียกว่าฟ้าผ่า ซึ่งสามารถสร้างความร้อนสูงถึงหลายหมื่นองศาเซลเซียส และทำให้เกิดเสียงฟ้าร้องตามมา ลักษณะของการเกิดฟ้าผ่า มีกี่แบบ การเกิดฟ้าผ่าสามารถเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของประจุไฟฟ้าและทิศทางการเคลื่อนที่ ดังนี้ ฟ้าผ่าภายในก้อนเมฆ เกิดจากการแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้าภายในก้อนเมฆเดียวกัน มักพบมากที่สุด ฟ้าผ่าจากเมฆก้อนหนึ่งไปยังเมฆอีกก้อนหนึ่ง เกิดจากการถ่ายเทประจุระหว่างก้อนเมฆที่มีศักย์ไฟฟ้าต่างกัน ฟ้าผ่าจากฐานเมฆลงสู่พื้น (ฟ้าผ่าแบบลบ) เกิดจากประจุลบที่สะสมบริเวณฐานเมฆถูกปล่อยลงสู่พื้นดิน ฟ้าผ่าจากยอดเมฆลงสู่พื้น (ฟ้าผ่าแบบบวก) เกิดจากประจุบวกที่สะสมบริเวณยอดเมฆถูกปล่อยลงสู่พื้น ซึ่งพบได้น้อยแต่รุนแรงกว่าแบบลบ ฟ้าผ่าอันตรายไหม ฟ้าผ่านับเป็นภัยธรรมชาติที่อันตรายมาก เนื่องจากมีกระแสไฟฟ้าที่รุนแรงและอุณหภูมิสูงมาก การถูกฟ้าผ่าโดยตรงจึงมีโอกาสเสียชีวิตสูง และแม้ไม่ถูกฟ้าผ่าโดยตรง การอยู่ใกล้จุดที่ถูกฟ้าผ่าก็สามารถได้รับอันตรายจากแรงระเบิด คลื่นกระแทก หรือกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านพื้นดิน นอกจากนี้ฟ้าผ่ายังสามารถทำลายอาคารบ้านเรือน ระบบไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างรุนแรง รวม 7 วิธีป้องกันตัวจากฟ้าผ่า เนื่องจากฟ้าผ่าเป็นอุบัติเหตุที่แทบไม่มีเวลาให้เราได้ตั้งตัว การป้องกันตัวเองไว้ก่อนจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีพายุฟ้าคะนองบ่อยครั้ง โดยวิธีป้องกันที่สามารถทำได้มีดังนี้ 1. ไม่อยู่ในที่โล่งแจ้ง การอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้งระหว่างเกิดพายุฟ้าคะนองอันตรายมาก เพราะคุณอาจกลายเป็นจุดสูงสุดในบริเวณนั้นและมีความเสี่ยงที่จะถูกฟ้าผ่าโดยตรง …

ฟ้าผ่าเกิดจากอะไร อันตรายไหม พร้อมบอกวิธีรับมือจากฟ้าผ่า Read More »

มาตรฐาน IEC คืออะไร

ทำความรู้จัก IEC มาตรฐานความปลอดภัยทางไฟฟ้า

ในโลกของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มาตรฐาน IEC นับเป็นหัวใจสำคัญที่ผู้ประกอบการและวิศวกรต้องให้ความสนใจ มาตรฐานเหล่านี้ไม่เพียงแต่กำหนดแนวทางการผลิตและการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวชี้วัดคุณภาพและความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจกันว่า มาตรฐาน IEC คืออะไร สำคัญอย่างไรบ้าง มาตรฐาน IEC คืออะไร มาตรฐาน IEC คือข้อกำหนดทางเทคนิคที่พัฒนาโดยคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐานสาขาอิเล็กทรอเทคนิกส์ (International Electrotechnical Commission) องค์กรระหว่างประเทศที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2449 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือในอุตสาหกรรม ตัวอย่างมาตรฐาน IEC ที่เกี่ยวกับไฟฟ้า ตัวอย่างมาตรฐาน IEC สำคัญที่ผู้ประกอบการควรทราบ ได้แก่ 1. IEC60050 (ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์) มาตรฐาน IEC60050 หรือ International Electrotechnical Vocabulary (IEV) เป็นมาตรฐานที่กำหนดคำศัพท์และคำนิยามที่ใช้ในอุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง โดยครอบคลุมตั้งแต่คำศัพท์พื้นฐานไปจนถึงคำศัพท์เฉพาะทางในแต่ละสาขา เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันระหว่างวิศวกร นักวิจัย และผู้เชี่ยวชาญในระดับสากล  2. IEC60061 (หลอดไฟ) มาตรฐาน IEC60061 เป็นมาตรฐานสากลที่กำหนดขนาดและคุณสมบัติของขั้วหลอดไฟและเต้ารับ รวมถึงมาตรวัดที่ใช้ในการตรวจสอบความถูกต้องของอุปกรณ์เหล่านี้เพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกันได้ในระดับสากล …

ทำความรู้จัก IEC มาตรฐานความปลอดภัยทางไฟฟ้า Read More »