
เคยเปิดดูบิลค่าไฟแล้วต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยไหม ว่าทำไมเดือนนี้ตัวเลขถึงพุ่งสูงขึ้นกว่าปกติ ทั้งที่รู้สึกว่าก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิม ปัญหาค่าไฟแพงผิดปกติเป็นเรื่องที่สร้างความกังวลใจให้หลายครัวเรือน แต่ความจริงแล้วสาเหตุอาจอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด บทความนี้จะพาไปสำรวจต้นตอของปัญหา พร้อมแนะนำวิธีตรวจสอบและเทคนิคดีๆ ที่จะช่วยให้คุณควบคุมค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้ดีขึ้น
ค่าไฟแพงผิดปกติ เกิดจากอะไร
สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้บิลค่าไฟพุ่งสูงขึ้นนั้นมาจาก 4 ปัจจัยสำคัญด้วยกัน
1. พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า
บ่อยครั้งที่ค่าไฟแพงผิดปกติมีต้นตอมาจากพฤติกรรมการใช้ไฟที่เปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว เช่น การทำงานที่บ้าน (Work From Home) ทำให้ต้องเปิดคอมพิวเตอร์และเครื่องปรับอากาศนานขึ้น การมีสมาชิกในบ้านเพิ่มขึ้น หรือการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ ๆ เข้ามา การเปิด-ปิดตู้เย็นบ่อยครั้ง หรือการเสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้แม้จะปิดแล้ว ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หน่วยการใช้ไฟฟ้ารวมสูงขึ้นได้
2. เครื่องใช้ไฟฟ้าชำรุด หรือมีไฟรั่ว
เครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าหรือชำรุด เช่น แอร์ที่สกปรก ตู้เย็นที่ขอบยางประตูเสื่อมสภาพ จะทำงานหนักกว่าปกติและกินไฟมากขึ้นอย่างมหาศาล ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือการเกิดไฟรั่วในระบบ ซึ่งหมายความว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลทิ้งอยู่ตลอดเวลาแม้ไม่ได้ใช้งานอุปกรณ์ใด ๆ นอกจากจะเป็นต้นเหตุของค่าไฟแพงผิดปกติแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเกิดไฟดูดได้อีกด้วย การติดตั้งระบบกราวด์ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อความปลอดภัย

3. ค่าไฟแพงผิดปกติ จากโครงสร้างอัตราค่าไฟ
โครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าในประเทศไทยใช้ระบบขั้นบันไดหรืออัตราก้าวหน้า หมายความว่ายิ่งใช้ไฟมากเท่าไหร่ ค่าไฟต่อหน่วยก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
หน่วยที่ 0-150 คิดในอัตราหน่วยละ 3.2484 บาท หน่วยที่ 151-400 คิดในอัตราหน่วยละ 4.2218 บาท และหน่วยที่ 400 ขึ้นไป คิดในอัตราหน่วยละ 4.4217 บาท การใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากขั้นบันไดหนึ่งไปยังอีกขั้นหนึ่งอาจทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ยังมีค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ที่มีการปรับเปลี่ยนทุก 4 เดือนตามต้นทุนเชื้อเพลิงและการซื้อไฟฟ้าจากแหล่งต่าง ๆ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาค่า Ft ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์ราคาเชื้อเพลิงโลกที่สูงขึ้น
4. อากาศร้อนอบอ้าว
สภาพอากาศเป็นปัจจัยภายนอกที่ส่งผลโดยตรงต่อค่าไฟ ในวันที่อากาศร้อนจัด เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำความเย็นอย่างเครื่องปรับอากาศและตู้เย็น จะต้องทำงานหนักขึ้นมากเพื่อรักษาอุณหภูมิให้ได้ตามที่ตั้งไว้ คอมเพรสเซอร์จะทำงานนานขึ้นและบ่อยขึ้น ส่งผลให้กินไฟมากกว่าเดิมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมในช่วงฤดูร้อน ค่าไฟแพงผิดปกติจึงเป็นปัญหาที่แทบทุกบ้านต้องเจอ
ค่าไฟแพงผิดปกติ ร้องเรียนที่ไหน
หากตรวจสอบเบื้องต้นแล้วพบว่า ค่าไฟแพงผิดปกติ และสงสัยว่า อาจเกิดจากความผิดพลาดของมิเตอร์หรือการจดหน่วย สามารถติดต่อเพื่อแจ้งเรื่องร้องเรียนได้ที่
- กรุงเทพฯ และปริมณฑล ติดต่อการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ผ่านเว็บไซต์ https://www.mea.or.th/intro หรือ Call Center 1130
- จังหวัดอื่น ๆ ติดต่อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) https://complaint.pea.co.th/ ผ่านเว็บไซต์ หรือ Call Center 1129
วิธีเช็กค่าไฟฟ้าแพงผิดปกติ

ก่อนจะสรุปว่าค่าไฟที่สูงขึ้นนั้นผิดปกติหรือไม่ เราสามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้ด้วยตัวเองตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
- เทียบตัวเลขในบิลกับมิเตอร์ อันดับแรกให้ดูใบแจ้งหนี้ค่าไฟฟ้า เปรียบเทียบ “เลขครั้งก่อน” และ “เลขครั้งหลัง” กับตัวเลขบนหน้าปัดมิเตอร์จริง ว่าตรงกันหรือใกล้เคียงหรือไม่ อาจเกิดการจดหน่วยผิดพลาดได้
- ทดสอบมิเตอร์ชำรุด ลองปิดเบรกเกอร์หลักของบ้าน เพื่อตัดไฟทั้งหมด แล้วไปสังเกตที่มิเตอร์ไฟฟ้า หากจานหมุนยังคงเคลื่อนที่อยู่ แสดงว่ามิเตอร์อาจมีความผิดปกติ ควรแจ้งการไฟฟ้าให้มาตรวจสอบ
- ตรวจสอบไฟรั่วในบ้าน ทำคล้ายกับข้อที่แล้ว แต่คราวนี้ให้ปิดและถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชิ้นแทนการสับเบรกเกอร์ลง หากมิเตอร์ยังคงหมุนอยู่ อาจเป็นสัญญาณว่ามีไฟรั่วในระบบ ซึ่งเป็นสาเหตุของ ค่าไฟแพงผิดปกติ
- สำรวจพฤติกรรมตัวเอง หากตรวจสอบทุกอย่างแล้วไม่พบความผิดปกติ อาจถึงเวลาสำรวจพฤติกรรมการใช้ไฟของคนในบ้าน ว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดือนก่อน ๆ หรือไม่
เทคนิคการใช้ไฟฟ้าให้ประหยัดไฟ
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าจะช่วยลดค่าไฟแพงผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าและถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งาน
เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดยังคงกินไฟอยู่แม้จะปิดด้วยรีโมต การถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งานเป็นการตัดวงจรไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์ ช่วยประหยัดไฟได้จริงและยังช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ รวมถึงลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจร
2. เปิดเครื่องปรับอากาศในอุณหภูมิที่เหมาะสม
เครื่องปรับอากาศคือแชมป์การใช้ไฟฟ้าในบ้าน การตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 25-28 องศาเซลเซียสถือเป็นระดับที่เหมาะสม ช่วยให้คอมเพรสเซอร์ไม่ต้องทำงานหนักเกินไป และอาจเปิดพัดลมช่วยกระจายความเย็น จะทำให้รู้สึกเย็นสบายเท่าเดิมแต่ประหยัดไฟกว่ามาก นอกจากนี้ การทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศอย่างน้อยปีละ 2 ครั้งจะช่วยให้เครื่องทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยประหยัดค่าไฟได้
3. เลือกใช้หลอดไฟ LED แทนหลอดไฟธรรมดา
หลอดไฟ LED ใช้พลังงานน้อยกว่าหลอดไส้หรือหลอดฟลูออเรสเซนต์แบบเก่า แต่ให้ความสว่างเท่ากันหรือมากกว่า ทั้งยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่ามาก การทยอยเปลี่ยนหลอดไฟในบ้านเป็น LED ทั้งหมดจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว
4. เลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ติดฉลากเบอร์ 5
ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เป็นเครื่องหมายรับรองว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นนั้น ๆ ผ่านมาตรฐานการประหยัดพลังงาน แม้ราคาเริ่มต้นอาจสูงกว่าเล็กน้อย แต่ค่าไฟที่ประหยัดได้ในแต่ละเดือนจะช่วยให้คุณคุ้มทุนได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องทำงานตลอดเวลาอย่างตู้เย็นและแอร์
5. ทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่เสมอ
การทำความสะอาดง่ายๆ เช่น การล้างแผ่นกรองฝุ่นของแอร์ หรือการเช็ดทำความสะอาดแผงระบายความร้อนหลังตู้เย็น จะช่วยให้อุปกรณ์เหล่านี้สามารถระบายความร้อนได้ดีขึ้น ไม่ต้องทำงานหนักเกินความจำเป็น และส่งผลให้ประหยัดไฟได้
สรุปบทความ
ปัญหาค่าไฟแพงผิดปกติเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งพฤติกรรมการใช้งาน สภาพเครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงอัตราค่าบริการและสภาพอากาศ การทำความเข้าใจสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถตรวจสอบและแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ด้วยตัวเอง ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและเลือกใช้อุปกรณ์ที่ช่วยประหยัดพลังงาน ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย แต่ยังสร้างความปลอดภัยในการใช้ไฟฟ้าให้กับทุกคนในบ้านอีกด้วยสำหรับผู้ที่ต้องการอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพ TETA INTERTRADE จำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าคุณภาพสูงที่ได้มาตรฐาน ทั้งสายไฟฟ้าแรงสูงลูกถ้วยไฟฟ้า สายไฟ THW และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ พร้อมบริการให้คำแนะนำเชิงลึกเกี่ยวกับการติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงสูง-แรงต่ำสำหรับอาคารทุกประเภทจากวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ลูกค้าได้สินค้าคุณภาพ ตอบโจทย์การใช้งานอย่างแท้จริง สั่งซื้อและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 02-068-9690 หรือ 086-544-3647
Author
ผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าแรงสูง สายไฟ ลูกถ้วย ประสบการ์ณมากกว่า 10 ปี
View all posts